ชีวิตในรั้ว มฟล. ของนางสาวสุชัญญา อุปพงษ์ บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร สำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร

เหตุผลแรกที่เลือกเรียนอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงก็คือที่นี่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ 5555 เอาดีๆไม่ได้ตอบแบบนางงามนะ แต่คือเป็นคนชอบภาษาอังกฤษมากๆ อยู่แล้ว ส่วนเหตุผลที่สองคืออากาศดี มหาลัยสวย ❤ เป้าหมายแรกของการไปเรียนไกลบ้านคือ “ฉันต้องรอด” กล้าๆ กลัวๆ อยู่นานแต่ก็ตัดสินใจจะมาอยู่ดี จะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่เอาล่ะ เลือกแล้วต้องทำให้ดี

:เริ่มตั้งแต่ปีหนึ่งเลย เราโชคดีที่ได้รูมเมทน่ารักและสนิทกันมากๆ ตอนนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาเยอะเลยว่าฉันรอดแล้ววว แต่..ความสบายใจนั้นก็ได้ถูกทลายลงเมื่อเข้าไปเรียนวิชาแรกของปี1 “General Biology” คุณพระ!! ที่คิดมาตลอดว่าตัวเองชอบภาษาอังกฤษมันคงใช้กับที่นี่ไม่ได้แล้ว ดิฉันฟังไม่ทันเลยค่ะคุณ หลังจากนั้นก็เลยกลับห้องไปนั่งแปลชีทตลอด จดศัพท์ที่เจอในชีทเรียนบ่อยๆแปะไว้ที่โต๊ะบ้าง ตู้เสื้อผ้าบ้าง เนื้อหาตรงไหนไม่เข้าใจก็ไปเอาหนังสือเวอร์ชั่นภาษาไทยมาอ่านบ้าง ไปนั่งติวกับเพื่นบ้าง นี่ทำแบบนี้กับทุกวิชาเลยจริงๆ แต่เห็นอ่านหนังสือหนักขนาดนั้นทางเราก็เข้ากิจกรรมไม่เคยขาดน้าาา แต่ก็นั่นแหละ เป็นคนนอนน้อยอยู่ช่วงนึงเลย

:ขึ้นปีสอง..เธอคิดหรอว่าทุกอย่างมันจะสบายขึ้น ผิด!! จากเรียน 5 ตัว ต้องมาเรียน 7 ตัว มาปรับตัวใหม่อีกรอบ กิจกรรมอะไรก็ต้องอยู่ดึกกว่าเดิมเพราะเราเป็นคนเตรียมงาน เวลาอ่านหนังสือก็แทบจะไม่มีหนักไปกว่าเดิม ตอนนั้นเริ่มเรียนเมเจอร์แล้วด้วย เลยอาศัยการตั้งใจในห้องเรียนแทน พยายามไม่โดด ไม่เหม่อ และตั้งใจในห้องให้ได้เยอะที่สุด จะได้ลดภาระตอนไปอ่านเอง ซึ่งมันช่วยได้จริงๆทุกคน อ๊อ! ตอนทำแลปก็เหมือนกัน พยายามลงมือทำด้วยตัวเองจริงๆ นึกภาพตามอะว่าแลปนี้เราทำไปทำไม มันเชื่อมโยงอะไรกับเนื้อหาที่เราเรียนอยู่ ตอนอ่านหนังสือมันจะช่วยให้เราเข้าใจขึ้นเยอะเลย

:ปีสามก็คือปีแห่งน้ำตามั้ยยังไงดี 5555555555 ง่ายๆ ว่าปีนี้แทบไม่มีกิจกรรมแล้ว เป็นเรื่องของการเรียนล้วนๆ เลย “เรียน7วัน” ชั่วโมงว่างของนศ.ปี3 คือจะคิวทองมาก อาจารย์ทุกคนจะช่วงชิงกัน 555555 บ่นทุกวันว่าไม่ทันแล้วๆๆ เป็นปีที่จัดระเบียบตัวเองยากมากจริงๆ คือปกติตอนปี1-2 อะ เราจะชอบอ่านหนีงสือให้จบก่อนเข้าช่วงสอบ แล้วหนึ่งสัปดาห์ก่อนสอบก็จะมานั่งทวนและติวกับเพื่อนเฉยๆ แต่ปี3เนี่ย มันพีค มันพีคมากจริงๆตรงที่ทุกอย่างแทบจะเป็น One night miracle หรืออย่างดีหน่อยก็ One week miracle แต่ก็ยังใช้เทคนิคเดิมนะ “ตั้งใจเรียนในห้อง ตั้งใจทำแลป” ละนี่ก็ไม่ได้อ่านแค่ชีทที่อาจารย์แจกนะ เพราะแค่นั้นมันไม่พอจริงๆ เราเรียนด้วยความอยากรู้อะ มันเลยอยากหาคำตอบให้ลึกกว่าในห้องเรียน ก็เลยยืมหนังสือจากห้องสมุดแหละมาขยายความในชีทเรียนต่อ เห้ย คือมันดี เราเห็นภาพของแต่ละวิชาชัดมากขึ้นจริงๆ บวกกับเวลาอ่านที่น้อยนิด หนังสือพวกนั้นเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆพูดเลย

:โอเค เรารอดมาถึงปีสี่ได้ไงกันเนอะ.. เนื่องด้วยเราเรียนแผน1 เนื้อหาของเราก็เลยจะจบแค่ปี4เทอม1 ซึ่งเราก็บอกตัวเองตลอกว่าเทอมสุดท้ายๆๆจะจบแล้วๆๆ มันเลยเกือบทำให้หมด passion ในการเรียนไปช่วงนึง เราเริ่มปล่อยวางกับการอ่านหนังสือไม่ทัน(เพราะไปกังวลกับโปรเจกต์แทน) เอ่อ..แต่มีสอบ Exit Exam นะที่ยังปล่อยวางไม่ได้ ที่เขาสปอยล์ๆกันมาว่าเมเจอร์เรายากอะ อย่าไปฟัง ที่เรียนมาสามปีเนี่ยยากกว่าเยอะ 55555 เป็นปีสุดท้ายที่ไม่ง่ายเลย แต่คงเพราะ3ปีที่ผ่านมาเหมือนเราเตรียมพร้อมมาหมดแล้วมั้ง ทุกอย่างเลยผ่านไปได้อย่างสวยงาม

จริงๆ กว่าจะได้ปริญญาใบนี้มานอกจากจะขอบคุณแม่ที่คอยเป็นกำลังใจสำคัญแล้วก็คงเป็นเพื่อนๆ ในสาขาทุกคนแหละ ถ้าไม่มีเพื่อนๆ ที่ดีขนาดนี้ชีวิตในมหาลัยก็คงยากมากๆเหมือนกัน ขอบคุณที่พากันผ่านเรื่องยากๆ มาตั้งหลายเรื่อง เป็นกำลังใจและช่วยเหลือกันในทุกๆ เรื่อง ขอบคุณอาจารย์ทุกคนด้วยที่บางครั้งเหมือนจะเอือมระอากับเด็กพวกนี้เต็มทนแต่ก็ยังค่อยบ่นคอยสอนและยังเป็นที่ปรึกษาที่ดีมาตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ความประทับใจขอบที่นี่ให้เล่าอีกเดือนนึงก็คงไม่หมด มันเยอะมากจริงๆ ทุกอย่างที่นี่มันค่อยๆหล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้ มันจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้เลยจริงๆ

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด อยากจะฝากไว้ว่าอย่าไปคิดว่าเราไม่เก่งเท่าคนอื่นเขา แต่ขอให้มีความพยายามและความตั้งใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆก็ตาม ทุกคนทำมันได้แน่ สุดท้าย หิวก็กิน ง่วงก็นอน เครียดก็หาอะไรทำ ออกไปเดินเล่นบ้าง ไปเที่ยวบ้าง นอนดูซีรี่ส์บ้าง หนักที่สุดทำไรไม่ได้ก็แค่ร้องไห้ออกมาให้พอแล้วลุกขึ้นไปต่อให้สุด เพราะนี่ทำมาหมดแล้วจริงๆ 5555555 อีกหลายๆปีต่อจากนี้ไป ไม่รู้จะจำเรื่องทุกอย่างได้หมดมั้ย แต่อย่างน้อยก็จะจำได้ชัดเจนในใจทุกครั้งว่าที่มฟล.แห่งนี้มีแต่ความรักและความอบอุ่นให้กันเสมอ ❤ 💛