เรื่องเล่าชีวิตในรั้ว มฟล. ของนางสาวนาซูฮา บุญญามีน บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร สำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร

“เรื่องที่อยากจะเล่า”

อีกหนึ่งช่วงเวลาชีวิตที่อยากจะเล่า และกด skip ผ่านมันไปเฉยๆ ไม่ได้ก็ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยนี่แหละค่ะ ขอบอกว่าเป็นช่วงชีวิตที่หรรษา สุดเหวี่ยง และเคล้าน้ำตาเบาๆ ฮ่าๆ

ก่อนอื่นเลยเราชื่อ นาซูฮา เป็นเด็กมุสลิมจากจังหวัดนราธิวาส ใช่ค่ะ เด็กใต้สุดแดนสยามเดินทางมาเรียนไกลถึงภาคเหนือจ้าว ปรากฏว่าเรื่องท้าทายที่เจอวันแรกของการเหยียบมหา’ลัยคืออาการโฮมซิกค่ะ โฮมซิกขั้นหนัก(มากกกก) สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวคืออยากชิ่งกลับบ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งความคิดเข้ามาแย้งกันคือ ความรับผิดชอบ คำนี้เด้งขึ้นมาในหัวอย่างจัง ‘เลือกแล้วก็ต้องรับผิดชอบตัวเองสิ เลือกแล้วก็ต้องสู้สิ’ กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราฮึดสู้กับทุกอย่าง ทั้งการเรียนและสิ่งแวดล้อมที่ต้องปรับตัวหลายอย่าง นอกจากนี้ก็ต้องขอบคุณตารางกิจกรรมในช่วง fresher ปี1 กิจกรรมแน่นเว่อร์ เยอะแยะจนเราแทบจะหลุดโฟกัสจากอาการคิดถึงบ้าน กลายเป็นว่าเรามองหาเพื่อน มองหาความสนุกไปเลย

นอกจากนั้นแล้ว ส่วนสำคัญที่ลืมกล่าวถึงไม่ได้คือ เรื่องการเรียน 55555 ขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กอุตสาหกรรมเกษตร ก็ไม่ธรรมดาแล้วค่ะ ภาคทฤษฎีเข้มข้น ภาคปฏิบัติเองก็ไม่แพ้กันจ้า แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ประทับใจช่วงตอนเรียนแรกๆคือ อาจารย์ใจดี พร้อมตอบคำถามในสิ่งที่เราสงสัย จำได้ว่าถึงขั้นเมลหาเพื่อถามในสิ่งที่เราไม่เข้าใจในห้อง แล้วอาจารย์ก็น่ารักมาก ตอบอย่างละเอียดพร้อมนัดเราไปเจอเพื่ออธิบายให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้น ในส่วนของภาคแลป แรกๆก็ยังไม่ชินแหละค่ะ อุปกรณ์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ไม่เคยเห็นเต็มไปหมด แต่พอผ่านไปซักพัก เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ก็จะเชี่ยวชาญเอง ยังคงเชื่อมั่นเสมอว่าถ้าใจเราพร้อมจะเรียนรู้ ทุกอย่างเราก็จะปรับตัวได้แหละค่ะ อาจจะใช้เวลามากน้อยต่างกัน แต่เราจะทำมันได้^^

พอขึ้นปีสูงๆ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเรียนหนักขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ตารางเรียนหลายตัว วิชาเมเจอร์ก็เข้มข้นมากขึ้น ภาคแลปก็แน่นขึ้นมากๆ Lab report นี่ตัวดีเลย นอนน้อยก็เพราะต้องรายงานผลแลปนี่แหละ แต่ต้องยอมรับว่าการทำ Lab report ช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหาที่เรียนมากยิ่งขึ้นนะ จากที่เอ้ะในห้องเรียน ก็จะมาอ๋อในตอนทำรายงานนี่แหละค่ะ เพราะเราต้องศึกษาเองจากข้างนอกเพิ่มเติมเพื่ออ้างอิงถึงผลแลปของเราให้น่าเชื่อถือและสอดคล้องกัน อีกอย่างที่พลาดเล่าไม่ได้คือ โปรเจคจบปี4 ภายใต้ชื่อวิชา ‘Special problem’ หรือปัญหาพิเศษ เป็นอีกหนึ่งวิชาที่มีฉายาสมชื่อเลย 555555 ว่างจากเข้าเรียนเมื่อไหร่เป็นต้องระเห็จตัวเองไปทำโปรเจคแลปตลอด ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นวิชาที่เราได้ประยุกต์วิชาเรียนทั้งหมดเข้าด้วยกันเลยนะ เป็นตัวทดสอบกลายๆว่าเราเข้าใจสิ่งที่เรียนมาทั้งหมดมากแค่ไหนและเข้าใจถูกหรือเปล่า ช่วงนี้ก็จะถูกอาจารย์เรียกพบบ่อยๆ ตำหนิให้แก้นู่นนี่ ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อให้งานเราออกมาดีแหละค่ะ เพื่อให้เราเองก็เข้าใจเนื้อหามากขึ้น รู้จักคิดวิเคราะห์นำความรู้มาใช้เป็นขั้นตอนๆ อ้อ ช่วงนี้จะสนิทกับเพื่อนๆมากขึ้นด้วยนะ เพราะทุกคนจะช่วยกันเข็น ช่วยกันดันให้ผ่านไปด้วยกัน ประมาณว่า’เราต้องจบไปด้วยกันนะ เอ้าฮึ่บบ!’

อีกอย่างที่ต้องเล่าให้ฟังคือ สำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตรที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีโครงการทุนแลกเปลี่ยนไปทำโปรเจคต่างประเทศด้วยค่ะ ซึ่งประเทศที่เราเลือกไปคือประเทศมาเลเซีย เป็นการฝึกตัวเองให้เอาตัวรอดจากต่างแดน ต่างภาษาได้คุ้มค่ามาก เราจะได้เพื่อนหลายเชื้อชาติ เรียนรู้วัฒนธรรมของเขา และได้วิชาการเน้นๆแน่นเอี้ยดไปเลยล่ะค่ะ 555555

มาถึงตรงนี้แล้วขอยืนยันว่าการตั้งเป้าหมายหรือสร้างแรงจูงใจในการเรียนคือสิ่งที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะระหว่างทางแน่นอนว่าเราจะพบปัญหา เจอความเครียด อะไรหลายๆอย่างที่บั่นทอนพลังใจของเรามาเรื่อยๆ เรียนยากบ้างล่ะ ไม่เข้าใจเนื้อหาบ้างล่ะ ไหนจะภาษาอังกฤษที่ต้องมานั่งแปลเป็นไทย ไม่ผิดหรอกค่ะที่เราจะรู้สึกท้อและกังวล สุดท้ายเราก็ต้องฮึดสู้นะคะ ตัวเราเองก็ต้องมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ ไม่เข้าใจเนื้อหาตรงไหนก็อย่าปล่อยเลยผ่านไปนาน หาหนังสือมาอ่านเพิ่ม ถามอาจารย์บ้าง หรือถามเพื่อนข้างๆก็ได้ค่ะ อ้อ แต่อย่ากดดันตัวเองมากไปนะคะ เครียดเมื่อไหร่ก็ออกไปเที่ยวเดินเล่นบ้าง หาเวลานอนบ้าง ไปหาอะไรกินกับเพื่อนๆ ขอรับรองว่าของกินจะเยียวยาเราได้ดีที่สุดค่ะ 555555

ขอย้ำอีกนิดว่าชีวิตในรั้วมหา’ลัยไม่ใช่ชีวิตที่เราต้องคร่ำเคร่งแต่เรื่องการเรียนนะคะ ผ่อนคลายบ้าง เข้ากิจกรรมสังสรรค์นานา เพื่อนชวนไปไหนก็ยกโขยงกันไปเถอะค่ะ แล้วชีวิตในมหา’ลัยจะเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าและอยากจะเก็บรักษาไปนานๆเลยล่ะ ♡

Wish the best for you,
Nasuha