“ความสำเร็จเกิดจากความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่คุณไม่ท้อ”
– วินสตัน เชอร์ชิล –
ก่อนอื่น ผมขอออกตัวก่อนเลยว่า หากใครเข้ามาอ่านบทความนี้ เพื่อหวังว่าจะเจอกับสาระเนื้อหา เคล็ดลับเรียนเก่ง เรียนดี ขอให้ข้ามไปอ่านบทความอื่นครับ หากตัวอักษรตัวไหนทำให้ขุ่นข้องหมองใจ ผมขอยกมือไหว้ ขออภัยท่าน มา ณ ที่นี้ด้วย หากอ่านแล้วชอบใจ๊ ชอบใจ ก็อย่าเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวนะครับ ช่วยกันแชร์ความรู้สึกของท่านมาได้เลยครับผม ตามที่อาจารย์โทนี่ (ดร. ณัฐวุฒิ ดอนลาว) ได้ขอให้ผมเขียนบทความสบายๆ เกี่ยวกับชีวิตในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงนั้น ต้องขอบอกก่อนว่า ผมรู้สึกหนักอกหนักใจเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้จะเขียนแง่มุมไหนดี ผมก็ไม่ได้เกียรตินิยมอะไรอย่างใครเขา การเรียนก็งั้นๆ ธรรมดา ค่อนไปทางห่วย แต่ในเมื่ออาจารย์ได้มอบหมายให้ผมเขียน ผมจะทำหน้าที่นี้ให้สุดความสามารถครับ!!
ประวัติส่วนตัวพอสังเขป ชื่อ นาย ธนวัฒน์ นามสกุล โชติวรรณ ชื่อเล่น เอิร์ธ รหัสประจำตัวนักศึกษา 5331401014 วิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาเทคโนโลยีการอาหาร สำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นคนระยองโดยกำเนิด เรียนในจังหวัดระยองตั้งแต่อนุบาล 1 จนถึง ป.6 หลังจากนั้น ก็ถูกเตะโด่งเข้าโรงเรียนประจำ ที่ชลบุรี ใช้ชีวิตอยู่รั้วโรงเรียนประจำยาวนานถึง 6 ปี ชะตาชีวิตก็พลิกผัน ให้มาเรียนไกลถึงเชียงราย โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ว่าเรียนอะไรกันยังไง รู้แต่พี่สาวแนะนำให้มาเรียน มาถึงตอนสอบสัมภาษณ์ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าต้องใช้ภาษาอังกฤษ แต่ผมซึ่งไม่มีข้อมูลไม่รู้อะไรทั้งสิ้น หาได้มีการเตรียมตัวไม่ ก็ตอบไป เหงื่อออกมือไป ในหัวคิดแต่ กลัวจะสอบไม่ผ่าน เมื่อออกมาจากห้องสอบ ความรู้สึกตอนนั้นคือ ไม่รู้ว่าสอบผ่านหรือไม่ผ่าน ก็ลุ้นกันไป สุดท้ายก็ได้เรียน แต่ก่อนจะเรียนนั้น เราก็ต้องมาสอบองค์ความรู้ภาษาอังกฤษกันหน่อย ผลปรากฏว่า ต้องเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่พื้นฐานกันเลยทีเดียว
เริ่มปีหนึ่งก็คงเหมือนกับทุกๆคน ที่มาเจอสังคมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ บรรยากาศที่แปลกตา เมื่อมองย้อนกลับไป เชียงรายยังมีห้างสรรพสินค้าเพียงแห่งเดียวในตอนนั้น การเดินทางก็ยังไม่สะดวกสบายเท่าในปัจจุบัน การขนของเข้าหอวันแรกนั้น ก็น่าประทับใจ เพราะมีรุ่นพี่เสื้อสีชมพู (ทราบในเวลาต่อมาว่าพวกเขาเหล่านั้นคือ พี่ที่คอยดูแลสวัสดิการของรุ่นน้อง ที่เรียกว่า พี่สวัสดิ์) มาคอยยกกระเป๋า สัมภาระ ขึ้นหอพักที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้สำหรับปีหนึ่ง ซึ่งก็ต้องนอนกับรูมเมทอีกสามคน ซึ่งเราก็สนิทกันอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถึงเวลาที่กิจกรรมรับน้องเริ่มต้น (ขณะนั้นทางมหาวิทยาลัยยังคงให้มีการจัดกิจกรรมโดยทางส่วนกลาง มีพี่สันทนาการ พี่ระเบียบ พี่แฝง และพี่สภานักศึกษา ซึ่งหลังจากนั้นผมก็ได้มีโอกาสทำงานร่วมกันกับพี่ๆ หลายคนในองค์กรเหล่านี้ ซึ่งจะขอกล่าวในเวลาต่อมา)
กิจกรรมดังกล่าวได้กินเวลายาวนานหลายเดือน ซึ่งหากเราเตรียมการไม่ดี การเรียนและกิจกรรมก็จะไม่สมดุลย์กัน ทำให้แผนการเรียนพังทลายลง ซึ่งผมก็ไม่รอดพ้น ไม่ใช่เพราะทำกิจกรรมหนักแต่เพราะเจอวิชาที่ไม่ชอบเอามากๆ นั้นก็คือ Mathematics การได้เอฟจากวิชานี้ ทำให้ผมตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงจะถูกรีไทร์ ทำให้แผนการเรียนที่ทางสำนักวางไว้ให้ว่าจะจบภายในสี่ปี ได้เริ่ม collapse ลง เราก็เคว้งเลย เพื่อนบางคนก็ถอดใจ ยื่นใบลาออก ขอไปหาเส้นทางที่ใช่สายอื่น เทอมแรกเกรดออกมาสวยงาม 1.48 ซึ่งเมื่อได้เกรดต่ำกว่า 1.50 เราจะโดนลงทัณฑ์ 1 ครั้ง จาก 3 ครั้งก่อนที่จะโดนรีไทร์ แสดงว่าผมเหลือโอกาสอีกแค่ครั้งเดียว
อาจารย์ไก่ (ผศ. ดร. จุฑามาศ นิวัฒน์) อาจารย์ที่ปรึกษาของผม จึงเรียกคุยเพื่อปรับแผนการศึกษา ว่าจะลงเรียนในลักษณะไหน หมายความว่า ผมยังมีโอกาสที่จะจบภายใน 4 ปี หากทำเกรดได้สูงในวิชาที่เลือกลง (ถ้าจำไม่ผิด หากนักศึกษาเรียนดี เกรดไม่ต่ำกว่า 2.75 ทางส่วนกลางจะลงแผนการเรียนสำหรับเทอมการศึกษาต่อไปให้ทันที โดยไม่ต้องปรึกษาอาจารย์ประจำรายวิชา หรือเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งก็มีหลายคนที่จบออกไปโดยไม่เคยพบอาจารย์ที่ปรึกษาเลยก็มี) ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นอย่างใจเราทุกเรื่อง เนื่องจากเราต้องมาดูตารางเรียน แล้วต้องมารออาจารย์ประจำรายวิชาอนุมัติ ถึงจะได้เข้าเรียน ซึ่งเราก็ต้องไปรอที่ห้องลงทะเบียน ต้องไปต่อสู้แย่งชิงวิชาที่เราต้องการลง บางทีก็เจออุปสรรค คอมพิวเตอร์มีปัญหา เน็ตล่ม ระบบลงทะเบียนerror นั่นแหละครับ รสชาติชีวิต ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมจึงถูกส่งให้ส่วนกลางดูแลเรื่องการใช้ชีวิตอีกด้วย หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เรียนตามระบบอีกเลย ซึ่งบางเทอมผมก็ทำได้ไม่ดีพอ ก็มีอาจารย์หลายๆ ท่านคอยช่วยเหลือผม เนื่องด้วยผมเป็นคนที่ทำกิจกรรมหนักมาก ผมเคยเป็นหลีดประจำสำนักวิชา เป็นพี่เข้ม คุมวินัยน้องๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งตอน ปีสองที่ผมได้มีโอกาสได้ทำงานรับน้องเข้าซุ้ม ต้องวางแผนงาน เตรียมเสนอคอนเซ็ปต์กับอาจารย์ที่รับผิดชอบกิจกรรม ก็เลยได้รู้จักกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เลยได้อานิสงส์จากส่วนนี้ ซึ่งการใช้ชีวิตหลายๆ อย่างในตอนนั้น ทำให้เราเป็นคนชอบสังสรรค์ ก็มีบ้างที่จะข้องแวะกับของมึนเมา ซึ่งมันก็มีเยอะจริงๆ น้องๆ หนูๆ อย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง ก็ขอจบเรื่องการเรียนไว้ตรงนี้ ซึ่งผมก็ใช้เวลาในการเรียนถึง 5 ปี จึงได้ใบปริญญา มาครอบครอง เกรดที่จบออกมาก็สวยมาก 2.07 น่ารัก
พอจบมาก็ทำงานที่บ้าน ต้องบอกก่อนว่า ผมทำธุรกิจครอบครัวเป็นบริษัทที่ ผลิตและจัดจำหน่าย หัวจ่ายน้ำ มินิสปริงเกลอร์ ตรา Raindrop ซึ่งผมก็ทำหน้าที่ในการให้ความรู้เกษตรกรเกี่ยวกับระบบน้ำ เพื่อให้เกษตรกรใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ผมก็มีสวนผลไม้ให้ต้องดูแล ซึ่งเป็นสวนผลไม้มาตรฐาน Thai GAP มีการวางพื้นที่เพาะปลูกเป็นสัดส่วน รายล้อมด้วยไม้เบญจพรรณ รอบบริเวณ เป็นสวนผลไม้ที่ขึ้นทะเบียนสวนวนเกษตร มีการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงทรัพยากรน้ำที่นับวันก็หมดลงไป โดยใช้หัวจ่ายน้ำน้อยของ Raindrop ที่สามารถลดอุณหภูมิและเพิ่มความชุ่มชื้นภายในสวนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอยู่ติดกับแม่น้ำจากเขื่อนประแส จึงทำให้มีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบแก่หมู่สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไก่ป่า นกปากห่าง นกเป็ดน้ำ นกหัวจุก นกโพระดก นกเค้าแมว งูจงอาง หนู กระรอก กระเร็น แมวป่า และอีกมากมายสารพัดสัตว์ แต่ที่มีมากคือ ฝูงลิงแสม ที่เคยวัดด้วยสายตา มีไม่ต่ำกว่า 30 ตัว!
ตอนเริ่มมาทำสวนปีแรก (2017) นั้น ผมไม่มีความรู้เรื่องการดูแลรักษาต้นไม้เลย ไม่รู้ความสำคัญของ N-P-K โรคพืช โรคแมลง อ่านภาษาต้นไม้ไม่ออก แต่งดอกทุเรียนยังไง โยงกิ่งทุเรียนยังไง ต้นทุเรียน 70 ต้น ทำผลผลิตได้ 900 กิโล มังคุดได้ไม่ถึงตัน ลองกองและเงาะ ไม่มีผลผลิต เข้าสู่ปีที่สอง(2018) ปีนี้มาพร้อมกับประสบการณ์ที่ได้รับจากปีแรก องค์ความรู้จากเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของบริษัท ทำให้ทุเรียนมีผลิตมากกว่า 10 ตัน มังคุดก็พอให้ผลผลิตมากกว่าเดิม ปีที่สามนี้ (2019) เรามีการเตรียมการที่ดีไม่พอ อีกทั้งประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน อีกทั้งสภาพอากาศไม่เป็นใจ ทำให้ผลผลิตหดหายไปเยอะจนน่าตกใจ ปีที่สี่นี้ (2020) เราจึงได้กลับมาทำสูตรของปีที่สองอีกครั้ง ซึ่งปีนี้หวังว่า ฝนฟ้าอากาศจะไม่ใจร้ายกับเราเกินไป เพราะจุดสำคัญของการทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จ นอกจากต้องรู้จักวางแผน ช่างสังเกต ขยัน ก็คือ ดวง ต้องพกมาเยอะๆ สรุปตั้งแต่จบออกมา ได้ใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีการอาหารยังไม่เต็มที่ แต่ได้ความรู้นอกห้องเรียนด้านเทคโนโลยีการเกษตรมาเต็มร้อย ซึ่งความรู้เหล่านี้ จะฝังอยู่ในสมองเราไม่รู้ลืม จนตกผลึกเป็นประสบการณ์เฉพาะตัว ยากที่ใครจะลอกเลียนแบบได้
สุดท้ายนี้ ผมขอยกคำสอนของพ่อหลวง ร.9 มาดัดแปลงเป็นข้อคิด “ซื่อสัตย์ ขยัน อดทน พอเพียง ความสำเร็จไม่ได้นับที่จำนวนทรัพย์สิน ทุกงาน ทุกอาชีพ มีความสัมพันธ์กัน ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปเสียมิได้ แม้การงานนั้นหลายคนจะมองว่าต้อยต่ำ แต่ทว่า สิ่งที่จะช่วยให้งานประสบผลคือ ความรัก ความเอาใจใส่ แล้วจะเกิดความภาคภูมิใจตามมา จงทำงานทั้งหลายด้วยความภาคภูมิใจ“ ขอบคุณครับ
หากท่านใดสนใจติดต่อสั่งซื้อผลไม้ ทุเรียน มังคุด ราคากันเอง สามารถติดต่อมาได้ที่ เบอร์โทร 0888465455 หรือติดต่อช่องทางไลน์ 0888465455
หวังว่าจะได้เจอกันอีกในคอนเท้นท์ต่อๆไปครับ
ด้วยรัก
นายธนวัฒน์ โชติวรรณ
บัณฑิตสายเขียวอันดับหนึ่งแห่งสำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร