เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2564 : ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อม ศ.นพ.ดร.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. ดร.ดนุช ตันเทอดทิพย์ ผช.รมต.อว. และคณะผู้บริหาร อว. ประชุมสรุปผลการดำเนินโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ หรือ U2T ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยมี รศ.ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและผู้บริหารให้การต้อนรับ
รศ.ดร.ชยาพร รายงานความคืบหน้าโครงการฯ ว่า มฟล. จ้างงานรวม 341 คน ลงพื้นที่ทำงานและเก็บข้อมูลร่วมกับชุมชนใน 15 ตำบลของ 6 อำเภอ คือ เมืองเชียงราย ขุนตาล เชียงของ แม่จัน แม่สาย แม่ฟ้าหลวงและเวียงป่าเป้า ทั้งนี้ จากการทำงานร่วมกับชุมชนพบว่าร้อยละ 60 ชุมชนต้องการพัฒนาสัมมาชีพและสร้างอาชีพใหม่ ต้องการให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้มีการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยววิถีใหม่ ตามลำดับ ขณะที่ ผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานของ U2T ได้ก่อให้เกิดวิสาหกิจชุมชน มีผลิตภัณฑ์ต้นแบบของชุมชน เกิดช่องทางการตลาดเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ เกิดเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน เป็นต้น
ด้าน ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก กล่าวว่า ตนประทับใจผลงาน U2T ของ มฟล. โดยเฉพาะในเรื่องการแปรรูปอาหารที่เป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้ชาวบ้านพอใจ นักศึกษาได้ความรู้ อาจารย์ก็ได้ให้วิชา ทั้งชุมชน มหาวิทยาลัย รวมถึงผู้ได้รับการจ้างงานจึงอยากให้โครงการ U2T ได้ทำต่อ โดยหลังจากนี้จะมีการต่อยอดผลิตภัณฑ์ในโครงการ U2T เพื่อเอาผลผลิตที่ได้ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศให้ได้
“สำหรับโครงการ U2T ระยะที่ 2 จะเป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นและต่อยอดจากระยะที่ 1 ขณะนี้ กำลังดำเนินการส่งข้อเสนอโครงการให้สภาพัฒน์ฯ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย U2T ระยะ 2 นี้ จะขยายไปให้ครบทุกตำบล ครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และจะมีการยกระดับการทำงาน โดยเน้นเรื่องของ 1. ขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาตามเขตเศรษฐกิจพิเศษ ใน 5 ภูมิภาค เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาพื้นที่รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ 2. BCG โมเดล ซึ่งเป็นโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นวาระแห่งชาติ” รมว.อว. กล่าว
ทั้งนี้ อว. จะรวบรวมทุกมหาวิทยาลัยในสังกัดมาร่วมกันคิดร่วมกันทำ เช่น ภาคเหนือ ก็จะให้มหาวิทยาลัยระดับนำในพื้นที่อาทิ ม.แม่ฟ้าหลวง ม.เชียงใหม่ มรภ.เชียงราย มทร.ล้านนา ฯลฯ มาร่วมกันทำเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือท่องเที่ยว ทำงานร่วมกับทางจังหวัด เช่น เอาผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโครงการ U2T มานำเสนอและจำหน่ายในรูปแบบงานมหกรรมสินค้ารูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นผลิตผลที่เกิดจากมหาวิทยาลัย นักศึกษาและชาวบ้านช่วยกันทำและใน U2T ระยะที่ 2 ก็จะเห็นภาพที่ใหญ่ขึ้นจากตำบลขยายสู่จังหวัดและภูมิภาค
“สำหรับโครงการ U2T ถ้าไม่คิดให้ใหญ่ก็จะกลายเป็นแต่อีเว้นท์ อว. ต้องกัดไม่ปล่อย นี่ถือเป็นลมหายใจใหม่ๆ ให้กับมหาวิทยาลัย เราต้องทำเรื่องพวกนี้ให้กับประเทศชาติ เป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน นับแต่วันนี้ถึงปี 65 ให้ถือเป็นปี “ปล่อยของ” ของ อว. ต้องแสดงศักยภาพที่มีให้คนไทยได้เห็น รวมถึงนานาชาติในโอกาสที่ประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC ในปีหน้าด้วย” ดร.เอนก กล่าวระบุ
เนื้อหาข่าวจาก:
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://www.mhesi.go.th/index.php/news-and-announce-all/news-all/executive-ps-news/4934-u2t-2-2.html?fbclid=IwAR3br8UTH9dYOYbHx1Ifa2clxNBIqnoV_QqoJ2zthX2_ZLa3kd7gTpkeY_I